บทที่ 7 3.3 ผู้มีวาสนาเท่านั้นที่คู่ควร
หมอที่บ่าวรับใช้ของจางฮูหยินไปตามมาเดินทางมาถึงแล้ว จางอวิ๋นซีมองหมอเฒ่าผู้มากประสบการณ์ กำลังเปิดกล่องเครื่องมือ เผยให้เห็นเข็มมากมายขนาดความยาวต่างกันวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ตามหลักการแพทย์แผนจีนสมัยโบราณแล้ว การฝังเข็มเป็นการรักษาที่ดีและได้ประสิทธิภาพมากที่สุด และเป็นที่ยอมรับในการรักษาจากแพทย์แผนตะวันตกอีกด้วย
หมอเฒ่าผู้นั้นกำลังจะจับข้อมือของจางอวิ๋นซีตรวจชีพจร แต่นางชักมือกลับเสียก่อน
“ท่านใส่ถุงมือก่อนตรวจสิ” หมอผู้มาตรวจอาการงุนงงกับคำกล่าวของจางอวิ๋นซี สีหน้างงงวยปรากฏชัดเจน
“แม่นางหมายถึงสิ่งใดขอรับ” หมอผู้มาตรวจถาม
จางอวิ๋นซีขมวดคิ้ว นางไม่คาดคิดว่าการแพทย์ในยุคโบราณแบบนี้จะไม่รู้จักถุงมือตรวจโรค
“ถุงมือตรวจโรคไง ท่านไม่รู้จักรึ?” จางอวิ๋นซีถามขณะที่นางกำลังนั่งรอตรวจชีพจรอยู่บนเตียง หมอเฒ่าหันมากล่าวกับไท่ฮูหยินและจางฮูหยิน
“เอ่อ ตอนนางฟื้นมานางก็เป็นเช่นนี้แล้วหรือขอรับ”
จางฮูหยินและไท่ฮูหยินพยักหน้าน้อยๆ เชิงตอบ หมอเฒ่ามีสี
หน้าลำบากใจชัดเจน
“จะตรวจหรือไม่ตรวจ ถ้าไม่ตรวจฉันจะนอนแล้วนะ เหนื่อยมาก” จางอวิ๋นซีถามหมอเฒ่าเสียงแข็ง
“คุณหนูเจ้าคะ...” หรูหรงกระซิบเบาๆ “ฉันอะไรหรือเจ้าคะ”
จางอวิ๋นซีเอามืออุบปากอย่างลืมตัว ตอนนี้เธออยู่ในร่างของจางอวิ๋นซี ไม่ใช่เซียวเหม่ยฉีหมอมือฉมังจากโรงพยาบาลเอกชนอีกแล้ว ตอนนี้เธอควรทำตัวให้กลมกลืนกับโลกในยุคนี้ และเป็นจางอวิ๋นซีคนใหม่ดั่งที่ตั้งใจเอาไว้
“ข้าว่าท่านควรให้หมอหลวงมาตรวจนางเพิ่มเติม บางทีศีรษะของนางอาจได้รับการกระทบกระเทือนขอรับ” หมอเฒ่าบอกกับฮูหยินเอกและไท่ฮูหยิน จางฮูหยินเดินเข้ามาจับมือบุตรสาวคาดคั้นถาม
“ซีเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้เจ้าเจอกับอะไรมาบ้าง เจ้าบอกแม่มา” จางฮูหยินคาดคั้น
จางอวิ๋นซีหันมากล่าวกับหมอเฒ่า
“ท่านหมอเฒ่า การกระทบกระเทือนทางศีรษะที่ท่านกล่าวถึงน่ะจะต้องมีอาการเบื้องต้นคือศีรษะฟกช้ำและข้าก็จะอยากอาเจียนตลอดเวลา แต่นี่ข้าเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาเพราะตากน้ำฝน นอกนั้นข้าปกติหมด”
บ่าวรับใช้ของไท่ฮูหยินกระซิบกับฮูหยินอาวุโส
“ไท่ฮูหยิน ข้าว่าท่านควรแจ้งเรื่องนี้แก่ไทเฮาและฮองเฮานะเจ้าคะ ทั้งสองพระองค์จะได้ส่งหมอหลวงมาตรวจ”
“ช่างเถิด วันพรุ่งนี้จะถึงวันพระราชสมภพของไทเฮาแล้ว ข้าไม่อยากให้อาการป่วยของหลานข้าแพร่งพรายออกไป แล้วถ้าหากบ่าวไพร่คนใดแพร่งพรายออกไปเจ้ามารายงานข้าทันที” ไท่ฮูหยินสั่งกับบ่าวคนสนิท
“หรูหรง เจ้าไปส่งท่านหมอที” จางฮูหยินหันมาสั่งกับหรูหรง ซึ่งนางช่วยหมอเฒ่าเก็บอุปกรณ์และเดินออกไปส่งถึงหน้าจวน
เมื่อพ้นร่างของหมอเฒ่าไปแล้ว จางฮูหยินกล่าวกับบุตรสาวด้วยแววตา
เป็นห่วง นางเอามือลูบปอยผมที่หล่นปรกหน้าของบุตรสาวอย่างอ่อนโยน
“ซีเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหน”
จางอวิ๋นซีกุมมือมารดาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวาน
“ข้าสบายดีเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าดูแลตัวเองได้”
และข้าคือจางอวิ๋นซีคนใหม่ ที่จะไม่ยอมให้ใครมากดหัวอีก!
ตั้งแต่ยามเช้าจนถึงยามสาย จางอวิ๋นซีต้องการออกไปเยี่ยมชมบ้านเมืองยุคโบราณ นางเคยอ่านนิยายแนวย้อนยุคมากมาย แต่ทว่าวันนี้นางกลับไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหนือจินตนาการนี้จะเกิดขึ้นกับตัวนางเอง
แม้ว่าหรูหรงจะพยายามห้ามเนื่องจากนางเพิ่งพักฟื้นร่างกาย แต่จางอวิ๋นซีนั้นไม่ยอมฟัง นางยังคงดื้อรั้นจะออกไปเที่ยวข้างนอกให้ได้ แต่นางยังไม่ลืมถามถึงบิดาของจางอวิ๋นซีคนเก่าจากหรูหรง
“แล้วท่านพ่อเล่า ตั้งแต่ข้าฟื้นมาข้ายังไม่เห็นท่านพ่อมาเยี่ยมข้าเลย” จางอวิ๋นซีถามขณะที่หรูหรงกำลังช่วยนางแต่งตัวด้วยชุดฮั่นฝูและประดับผมด้วยปิ่นหยกอันงดงาม ซึ่งปิ่นหยกนี้เป็นของพระราชทานจากไทเฮาให้นางสวมใส่ไปร่วมงานวันพรุ่งนี้
“นายท่านไปประชุมที่วังหลวงเจ้าค่ะ เห็นว่าวันนี้โอรสของฮ่องเต้จะเสด็จกลับมาจากต่างแคว้น รวมถึงท่านอ๋องไท่หยางที่ฮองเฮาหมายตาให้ท่านด้วยนะเจ้าคะ” หรูหรงตอบ
จางอวิ๋นซีตั้งใจฟัง ก่อนที่เซียวเหม่ยฉีจะถูกดูดเข้ามาอยู่ในร่างของจางอวิ๋นซี เธอต้องการรู้ยิ่งนักว่าก่อนที่จางอวิ๋นซีตายอีกฝ่ายโดนทรมานหรือโดนใครทำร้ายหรือไม่ นางจึงถามหรูหรง
“หรูหรง ก่อนที่ข้าจะความจำเสื่อม มีใครมาทำร้ายหรือมีเรื่องกับข้าก่อนหรือไม่ หรือก่อนหน้านั้นเคยมีใครกลั่นแกล้งข้าหรือไม่” จางอวิ๋นซีถาม
หรูหรงรีบตอบทันที “มีเจ้าค่ะ ก็พี่สาวและแม่รองของคุณหนูนั่นล่ะ ก่อนที่คุณหนูจะหายตัวไป พวกนางหาเรื่องใส่ร้ายคุณหนูว่าขโมยผ้าไหมพระราชทานจากหยางเต๋อเฟยไป เพราะพวกนางอิจฉาที่คุณหนูของบ่าวน่ะ เป็นหลานสาวฮองเฮา เป็นนางรับใช้ของไทเฮา คุณหนูของบ่าวได้รับการอบรมสั่งสอนจากในวังตั้งแต่ยังเล็กๆ พวกนางเลยอิจฉาเจ้าค่ะ”
จางอวิ๋นซีคิดตามแล้วถามต่อ “แล้วก่อนหน้านี้ข้าเจออะไรจากสองแม่ลูกนี้บ้าง...ฉันจะคิดบัญชีทีเดียว” ประโยคหลังจางอวิ๋นซีคิดในใจ
“พวกนางน่ะอิจฉาที่คุณหนูของบ่าวเป็นที่ชอบพอของท่านอ๋องใหญ่โอรสของหยางเต๋อเฟยเจ้าค่ะ ส่วนฮองเฮากับไทเฮาก็หมายตาให้คุณหนูเป็นพระชายารัชทายาท พวกนางยิ่งทวีความอิจฉามากขึ้นไปอีก”
แม้แต่ยุคนี้เรื่องอิจฉาริษยาแย่งผู้ชายกันก็ยังมี ยิ่งกว่าละครอีก จางอวิ๋นซีคิด
